top of page
  • White Facebook Icon
  • White Twitter Icon
  • White YouTube Icon

WELCOME TO
DARK DEVIL DEMONOLOGY

ยินดีต้อนรับสู่โลกปีศาจวิทยา

     การศึกษาเกี่ยวกับปิศาจหรือความเชื่อเกี่ยวกับปิศาจเป็นสาขาหนึ่งของศาสนศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่ไม่ใช่เทวดา มีเนื้อหาว่าด้วยสิ่งมีชีวิตฝ่ายดีที่ไม่เป็นที่เคารพบูชาหรือแม้เป็นที่เคารพบูชาแต่ก็มีสถานะด้อยกว่าเทวดากับทั้งสิ่งมีชีวิตฝ่ายร้ายทุกระเภท ทั้งนี้ ในศาสนศาสตร์ตะวันตกหลังสมัยโฮเมอร์เป็นต้นมานั้น คำว่า "ปิศาจ" หมายถึงแต่ สิ่งมีชีวิตฝ่ายดี แต่ในปัจจุบันมักหมายถึง สิ่งมีชีวิตฝ่ายร้าย

Welcome

 Lesser Key of Solomon

     กุญแจย่อยของโซโลมอน (Lesser Key of Solomon) คลาวิคิวลาซาโลมอนิส (Clavicula Salomonis) หรือเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในอีกชื่อหนึ่งคือ เลเมเกทัน (Lemegeton) เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมวดหนังสือปีศาจวิทยา ในอดีตสันนิษฐานว่ากษัตริย์โซโลมอนเป็นผู้ประพันธ์หนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ขณะปัจจุบันมีอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือไม่ปรากฏชื่อคนแต่งจึงไม่มีผู้รู้ว่าตกลงใครเป็นคนเขียนขึ้นมากันแน่เหลือเพียงการคาดเดาจากหลักฐานเริ่มปรากฏในศตวรรษที่ 14 - 15 

106181570.jpg

หนังสือกุญแจย่อยของโซโลมอนมีความน่าสนใจในทางปีศาจวิทยาเพราะข้างในเขียนถึงรายละเอียดของการอัญเชิญปีศาจทั้ง 72 รวมทั้งเทวทูตมาใช้งาน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพิธีกรรม องค์ประกอบของพิธีกรรมจำพวกพวกวงเวท ตราผู้พิทักษ์ โดยเนื้อหาในเล่มแบ่งออกเป็นห้าบท
 

devils-33926_1280.png

บทที่ 1 อาร์สโกเอเทีย (Arc Goetia) 

ศาสตร์แห่งโกเอเทียกล่าวถึงปีศาจ 72 ตน กล่าวกันว่าโซโลมอนเคยอัญเชิญปีศาจเหล่านี้ขึ้นมาใช้งานโดยขังไว้ในภาชนะทองเหลือง (ร่ำรวยสมเป็นคิงส์ซะจริง) ผนึกไว้ด้วยตราเวท อาร์สโกเอเทียบรรยายถึงการสร้างภาชนะแบบเดียวกัน รวมทั้งการใช้เวทมนตร์เรียกปีศาจ โดยต้องระบุยศของปีศาจแต่ละตนและดวงตราผนึกที่ใช้ควบคุมให้ชัดเจนเท่านั้น

บทที่ 2 อาร์สทิวเกียโกเอเทีย Ars Theurgia Goetia ว่าด้วยเรื่องปีศาจ

อาร์สทิวเกียโกเอเทียกล่าวถึงลำดับยศขั้นของเหล่าปีศาจแต่ละตน ยศดังกล่าวได้แก่ หัวหน้า จักรพรรดิ ราชา และเจ้าชาย คุ้นเคยกันดีพบได้ในระบบการปกครองแบบประเทศอังกฤษ ส่วนความสามารถของปีศาจเหล่านี้มีตั้งแต่ใช้ให้หาของที่ถูกซ่อนไว้ไปจนถึงเปิดเผยความลับของบุคคลและขนย้ายสิ่งของ เรียกได้ว่าสากกะเบือยันเรือรบสารพัดประโยชน์ทีเดียว

บทที่ 3 ​ อาร์สพอลลินา Ars Paulina ศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของเทวทูต

 อาร์สพอลลินาแบ่งออกเป็นสองบทย่อยได้แก่ 

บทย่อยแรก ว่าด้วยเรื่องของเทวทูตในช่วงเวลากลางวันกลางคืน รวมรายละเอียดพวกผนึก พฤติกรรม ผู้รับใช้ ความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์เจ็ดดวงที่รู้จักในขณะนั้น ตำแหน่งของ ดวงดาวที่เหมาะสมรายชื่อ และสำคัญที่สุดอย่างวิธีการอัญเชิญพวกเทวทูตด้ว

บทที่ 4 อาร์สอัลมาเดล Ars Almadel ว่าด้วยการทำอัลมาเดล

เนื้อหาบทนี้อธิบายเกี่ยวกับการเลือกสี วัสดุ ยันพิธีกรรมในการทำ ยิ่งไปกว่านั้นบทนี้ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับปีศาจที่เรียกมาพร้อมวิธีอัญเชิญ ผู้อัญเชิญสามารถขอให้ปีศาจช่วยได้ ทว่าควรพึงระวังว่าสิ่งที่ขอต้องสมเหตุสมผลเป็นธรรมเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นบทนี้ยังมีรายละเอียดเล็กน้อยผู้ปกครองสิบสองตนของเทวทูต รายละเอียดของวันละตำแหน่งของดวงดาวที่เหมาะสมกับการอัญเชิญอีกด้วย

บทที่ 5 อาร์สนอทอเรีย Ars Notoria ว่าด้วยศาสตร์ของตำราเวท

มาถึงบทที่ห้าแหล่งรวมเวทมนตร์ผสมด้วย คาบาลาห์ (kabalah) อันหมายถึงระบบความคิดของชาวยิว ร่วมด้วยเวทมนตร์ภาษาต่างๆ วิธีสวดมนต์ ความสัมพันธ์ของพิธีกรรมนี้ช่วยให้เข้าใจศาสตร์ต่างๆ ของดวงจันทร์กับผู้สวด หากสวดให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความจะทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ของศาสตร์ ส่งผลให้จิตใจมั่นคง ความจำดี มีประโยชน์จนน่าประหลาดใจว่าทำไมถึงมาอยู่ในคัมภีร์อัญเชิญปีศาจซะได้ 

Artists
1bbddfbd73a38ebcc785f11dcc175953-trident

SATAN

277106475026211.png

         ซาตาน  เป็นตัวตนซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาอับราฮัม ว่าเป็นผู้นำพาความชั่วร้ายและเป็นผู้ชักจูงมวลมนุษย์ไปในทางที่ผิด ในบางศาสนาสอนว่าซาตานคือทูตสวรรค์ที่เคยเปี่ยมด้วยความงดงามและเป็นที่เคารพ ซาตานทำให้เกิดสงครามบนสวรรค์และร่วงหล่นจากสวรรค์เพราะความหยิ่งผยองในตน และได้ล่อลวงมนุษย์ชาติไปสู่การโกหกและบาป จึงกลายเป็นผู้มีอำนาจในโลกมนุษย์

        ในคัมภีร์ฮีบรูและพันธสัญญาใหม่ระบุว่าซาตานเป็นศัตรูตัวฉกาจ เป็นตัวแทนแห่งภัยชั่วร้ายอย่างแท้จริง บางครั้งก็เรียกว่าปีศาจ เป็นสัญลักษณ์ของความชิงชัง คำว่า "ซาตาน" มักไม่เป็นที่กล่าวถึงโดยตรงในคัมภีร์ของศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์ แต่ใช้คำว่า ὁ δράκων (dragon) ซึ่งโรมันคาทอลิกแปลว่า "มังกร" ส่วนโปรเตสแตนต์แปลว่า "พญานาค" และใช้คำว่า "ศัตรู/ปฏิปักษ์" (adversary) แทน โดยมักปรากฏภาพอัครทูตสวรรค์มีคาเอลกำราบพญานาคอยู่ตามอาสนวิหารต่าง ๆ โดยในหนังสือวิวรณ์ระบุถึงพญานาคและเหตุการณ์นั้นไว้ว่า "...พญานาคสีแดงตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา และบนหัวทั้งเจ็ดมีมงกุฎเจ็ดอัน และหางของพญานาคตวัดดวงดาวหนึ่งส่วนสามในท้องฟ้า แล้วทิ้งลงมาบนแผ่นดินโลก...ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับบรรดาทูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้ แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย"

     ในพระวรสารนักบุญมัทธิว เมื่อครั้งพระเยซูจะเดินทางเข้ากรุงเยรูซาเล็ม ทรงถูกเปรโตรอัครสาวกหยุดยื้อไว้เพราะไม่ต้องการให้เหตุร้ายเกิดกับพระองค์ พระเยซูได้ตำหนิเปโตรอย่างรุนแรงว่า "จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า แต่เจ้าคิดอย่างมนุษย์"

devil-33931_1280.png
Gallery

 Lorraine Warren

REST IN PEACE 

lg_effe05-ed-and-lorraine-warren-feature

เรื่องราวของ ลอร์เรน วอร์เรน ตอนนี้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในนาม "สามีภรรยาปราบผี" เธอกับสามี เอ็ด วอร์เรน กลายเป็นคู่หุนักสืบสวนคดีเหนือธรรมชาติที่โด่งดังไปทั่วโลก พวกเขาเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมที่พิสูจน์ไม่ได้อยู่หลายคดี โดยเฉพาะเรื่องราวบ้านผีสิงในอะมิตีวิลล์ ก่อนที่การสืบสวนของพวกเขาก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ The Conjuring ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และกำลังขยายจักรวาลออกไปเรื่อยๆ

กว่า 50 ปีแล้ว ที่เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน ได้รับการยอมรับในอเมริกาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าด้านวิญญาณและปีศาจวิทยา อย่างไรก็ตาม พวกเขายังเป็นคนเดิมกับที่เคยเป็นเมื่อ 50 ปีก่อนด้วย ยังคงเป็นผู้เคร่งศาสนาที่ถูกเรียกให้ไปจัดการกับเหล่าปรากฏการณ์ปีศาจที่ควบคุมไม่ได้ในประเทศอยู่เสมอ ทั้งคดีบาทหลวงถูกผีสิง คดีที่ผู้คนถูกทำร้ายร่างกาย คดีผีปรากฏกายและแสดงอำนาจ คดีที่เหยื่อถูกล่วงละเมิดและสิ่งแวดล้อมต่างๆเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง คดีที่ปีศาจไม่เพียงสิงในบ้านเท่านั้น แต่ทำลายมันด้วย 

เอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรนอุทิศตนให้แก่งานของพวกเขา และเผยแพร่ทัศนคติที่ได้รับจากงานที่ไม่ธรรมดานี้อีกด้วย งานที่พวกเขาทำนั้นเป็นที่น่าจับตามอง และมั่นใจได้เลย ว่าเขารู้เรื่องแปลกประหลาดต่างๆที่มีอยู่แน่นอน คดีที่พวกเขาเปิดเผยจะเขย่าขวัญคุณ และสิ่งที่พวกเขาพูดแทบจะทำให้คุณล้มได้เลยทีเดียว ยิ่งกว่านั้น ครอบครัววอร์เรนไม่พูดมาก พวกเขารู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ พวกเขาเคยเจอ เคยจัดการมาหมดแล้ว วอร์เรนได้พูดถึงทั้งกระบวนการ และเหตุจูงใจในกิจกรรมต่างๆของพวกผี และยังพูดถึงว่าแท้จริงแล้ว อะไรคือสิ่งที่ทำลายความสงบสุขในบ้านผีสิง และบอกอย่างแม่นยำว่ามันเกี่ยวกับคุณอย่างไร ทั้งในตอนนี้ และอนาคต

เอ็ด วอร์เรน เป็นนักปีศาจวิทยา ส่วน ลอร์เรน นั้นเป็นร่างทรง แต่คุณคงมองไม่ออก หากคุณเผอิญไปเจอพวกเขาตามถนน พวกเขาไม่ได้ดูลึกลับน่ากลัวเลย เขาดูไม่แปลกประหลาดสักนิด พวกเขาก็เป็นคนธรรมดาที่บังเอิญทำงานที่ไม่ธรรมดาเท่านั้นเอง แต่ครอบครัวนี้ไม่บ่นหรอก พวกเขาปรับตัวได้ด้วยการเคร่งศาสนา ในความจริงแล้ว มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำได้ในงานชนิดนี้ เพราะสิ่งที่พวกเขาเผชิญไม่ใช่ ไอหมอก หรือ เงาตะคุ่ม ที่มาแล้วก็จากไปยามค่ำคืน แต่พลังที่เขาเจอนั้น พวกเขายอมรับเลยว่า พวกมันปรากฏตัวเพื่อขัดขวางการทำงานของพระเจ้าอย่างแท้จริง 

ปีศาจทรงพลังมาก พลังงานของมันเป็นนิรันดร และมันก็เผยตัวออกมา ในโลกที่เย้ยหยันเรื่องวิญญาณ และหัวเราะเยาะในเรื่องผิดธรรมชาติ ครอบครัววอร์เรนได้ขวางความคิดนี้ด้วยข้อความที่ว่า 

“เทพนิยายเป็นเรื่องจริง ปีศาจมีตัวตน พระเจ้ามีตัวตน และสำหรับเรา มนุษย์ทั้งหลาย โชคชะตาขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกอยู่ฝ่ายใด”

6-grunge-cross-1.png
Piercing

  Codex Gigas

คัมภีร์ไบเบิ้ลของเหล่าปีศาจ

 

        Codex Gigas หรือในภาษาอังกฤษ คือ หนังสือยักษ์ ( Giant Book ) เป็นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือโบราณ ใน ยุคกลางที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดในโลก มันถูกเขียนขึ้นมาในประมาณ คริสต์ศัตวรรษที่ 13 ใน ประเทศโบฮีเนีย

(ปัจจุบันอยู่ในประเทศเชสโกสโลวาเกีย Czech Republic) และถูกเก็บรักษาไว้ในโบสถ์ ในระหว่าง สงครามสามสิบปี ( Thirty Years' War ) ในปี ค.ศ. 1648 สมบัติ ของสะสมต่างภายใน โบสถ์ ถูกปล้นไปโดย กองทัพของทหารสวีเดน ปัจจุบัน Codex Gigas ถูกเก็บรักษาอยู่ที่ หอสมุดนานาชาติ ประเทศสวีเดน ในเมืองสโทตโฮม

( National Library of Sweden in Stockholm ) แต่ Codex Gigas ถูกรู้จักกันในชื่อ คัมภีร์ไบเบิ้ลของปีศาจ

ทำไมจึงถูกเรียกว่า ไบเบิ้ลแห่งปีศาจ ? 

      ยังคงเป็นปริศนาของผู้เขียน คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ เล่มนี้ แต่ตำนานนั้นกล่าวว่าบันทึกเล่มนี้เขียนโดย นักบวชนอกรีตที่ขายวิญญาณให้แก่ซาตาน และใช้เวลาเขียนเพียง หนึ่งคืน เท่านั้น แต่นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษา เกียวกับ บันทึกเล่มนี้ไม่เชื่อ และคาดการณ์ว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ เล่มนี้ใช้เวลาเขียนไม่ต่ำกว่า 20 ปี

  • คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ เป็น คัมภีร์ไบเบิ้ลเพียงเล่มเดียวที่บรรจุไว้ ทั้งคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับเก่า และใหม่ รวมกัน

  • ภายในยังประกอบได้ด้วยรูปภาพเกี่ยวกับ ซาตาน ( satanic ) ซึ่ง ทำให้มันเป็น คัมภีร์ไบเบิ้ล เพียงเล่มเดียวที่มีรูป ปีศาจ หรือ ซาตาน ภายในเล่ม

  • ภายในประกอบไปด้วย มนต์ดำ แห่ง ปีศาจ ( demonic spells )

  • ภายในประกอบไปด้วย มนต์ คาถา เพื่อการรักษา

  • ลักษณะลายมือที่เขียน อย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนต้นฉบับหนังสือใด ด้วยหมึกสีดำ แดง น้ำเงิน เหลือง เขียว และสีทอง ขึ้นต้นตัวอักษรด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่ และสวยงาม

  • ด้วย ต้นกำเนิด และปริศนา ต่างนี้จึงทำให้ คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ นี้ถูกจัดอันดับเป็น สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อันดับที่ 8 และเป็นหนึ่งในหนังสือ ที่ลึกลับที่สุดในโลก เล่มหนึ่ง

 

มีรูปซาตานขนาดความสูง 50 เซนติเมตร นี้เป็นที่มาของ คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ เล่มนี้

203897970.jpg

ลักษณะ คัมภีร์ไบเบิ้ลของปีศาจ

  • - คัมภีร์ไบเบิ้ล ของ ปีศาจ ถูกเก็บรักษาอยู่ในหีบไม้

  • - ปกเป็นหนังสัตว์ ประดับด้วยเครื่องประดับโลหะ

  • - ตัวคัมภีร์ไบเบิ้ล ปีศาจ มีขนาด 92 x 50 x 22 เซ็นติเมตร ( สูง x กว้าง x - หนา ตามลำดับ ) หนัก 75 กิโลกรัม

  • - เนื้อหาภายในบันทึกโดยรายมือ บนหนังลูกวัว หนังลา รวมกว่า 160 ตัว

  • - ช่วงแรกคาดว่าภายในเล่มประกอบไปด้วย เนื้อหา 320 แผ่น

  • - ปัจจุบัน ปรากฏร่างรอยการฉีกบันทึกออกไป 8 แผ่น และยังคงเป็น ปริศนา อยู่ถึงทุกวันนี้ว่า ใครเป็นผู้ฉีก เนื้อหาส่วนที่ขาดหายไปนั้น และจุดประสงค์ในการทำลายบันทึกนี้เพื่ออะไร

  • ภายในเล่ม ไม่ปรากฎ ชื่อ ลายเซ็นต์ อะไรที่เป็นร่องรอยในการสืบค้นทั้งสิ้น

1bbddfbd73a38ebcc785f11dcc175953-trident
satan.gif

ตำนานการอุบัติ ของ คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ
        ย้อนกลับไป นานเท่านาน นักบวชผู้ถูกจองจำอยู่ในคุกที่ลึกและมือมิด จากความผิดอย่างใหญ่หลวงของเขาที่ได้กระทำ ทางรอดเพียงหนทางเดียวที่จะได้รับการไถ่โทษนี้ ก็คือ จะต้องทำการเขียนหนังสือที่เป็นการยกย่องทางคริสต์ศาสนา และรวบรวมไว้ด้วยภูมิรู้ทั้งปวงของมวลมนุษญ์ชาติ ( ความหมายก็คือให้เขียน คัมภีร์ไบเบิ้ล ) ให้เสร็จภายใน 1 คืน เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก จนถึงเวลาเที่ยงคืน นักบวชยังเขียนหนังสือได้ไม่คลืบหน้า เขาจึงเริ่มสวดภาวนา วิงวอน แต่คำวิงวอนนั้นไปไม่ถึงพระผู้เป็นเจ้า แต่มันกับตกลงไปสู่ ห้วงอเวจีที่มืดมิด และซาตานก็ตอบรับคำวิงวอนของ นักบวชผู้นั้น โดยการช่วยเหลือจากซาตาน ให้เขาสามารถเขียน Codex Gigas หรือ คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 คืน และนักบวช จึงได้เขียนรูป ซาตาน ตนนั้นที่ให้ความช่วยเหลือเขา ลงใน คัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจ เล่มนี้เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือเขา ในหน้าที่ 290ตามตำนานยังเล่าว่า นักบวชเป็นผู้ฉีก ออกไป 8 แผ่น เนื่องจากบทดังเป็น คาถา และวิธีกรรมในการไล่ภูต ผี ปีศาจ

Contact
bottom of page